ประกอบไปด้วยพื้นที่อนุรักษ์ 4 แห่ง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ อุทยานแห่งชาติคลองลาน อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง มีขนาดพื้นที่ประมาณ 4,500 ตารางกิโลเมตร ถือเป็นผืนป่าที่มีความซับซ้อนของระบบนิเวศ และมีความหลากหลายทางชีวภาพ ทำให้เสือโคร่งและสัตวป่าชนิดต่างๆ สามารถเดินทางได้อย่างอิสระ จากข้อมูลงานวิจัยสำรวจและติดตามประชากรเสือโคร่งระยะยาวพบเสือโคร่งไม่น้อยกว่า 19 ตัว ที่กระจายพันธุ์จากป่ามรดกโลกทุ่งใหญ่ – ห้วยขาแข้งสู่ผืนป่าตะวันตอนบน ทำให้มั่นใจได้ว่าพื้นที่แห่งนี้ คือ หัวใจในการฟื้นฟูประชากรเสือโคร่งของประเทศไทย และยังเป็นความหวังในการเพิ่มประชากรเสือโคร่งอินโดจีนในระดับโลก
การดำเนินงานของโครงการฟื้นฟูประชากรเสือโคร่งในผืนป่าตะวันตกตอนบนมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน เกิดจากความร่วมมือของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และ WWF ประเทศไทย ผ่านการทำงาน 4 ด้านหลัก คือ การสำรวจวิจัยและติดตามประชากรเสือโคร่ง การสนับสนุนงานลาดตระเวนเชิงคุณภาพ การปรับปรุงแหล่งอาหารและฟื้นฟูประชากรสัตว์กีบ และการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และสร้างเครือข่ายใน การอนุรักษ์เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถอนุรักษ์และฟื้นฟูประชากรเสือโคร่งได้ตามเป้าหมายของโครงการ
เสือโคร่งเป็นสัตว์ที่พบเห็นได้ยาก และการจำแนกเสือโคร่งได้จากลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดังนั้นการศึกษาประชากรเสือโคร่งด้วยการใช้กล้องดักถ่ายภาพอัตโนมัติ (Camera Trap) เป็นวิธีการที่มี ความเหมาะสมและแม่นยำ การสำรวจและติดตั้งกล้องดักถ่ายภาพอัตโนมัติ จุดละ 2 ตัว อยู่ตรงข้ามและห่างจากเส้นทางเดินสัตว์ 3-5 เมตร ให้เครื่องส่งลำแสงอินพราเรดสูงจากพื้นดิน 45 เซนติเมตร โดยในแต่ละจุดใช้เวลาตั้งกล้องทิ้งไว้ประมาณ 45 วัน และตรวจสอบการทำงานของกล้องทุกๆ 15 วัน เมื่อครบกำหนดแล้วนำภาพมาวิเคราะห์ข้อมูลต่อไป
การปรับปรุงและฟื้นฟูถิ่นที่อยู่อาศัย และการปล่อยสัตว์กีบคืนสู่ธรรมชาติ เป็นส่วนสำคัญการอยู่รอดของประชากรเสือโคร่ง หากสัตว์ที่เป็นเหยื่อจำนวนลดลง ย่อมส่งผลต่อประชากรของเสือโคร่ง โดยสัตว์ป่าที่เป็นเหยื่อของส่วนโคร่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในกลุ่มสัตว์กีบ ได้แก่ กระทิง กวางป่า เก้ง และหมูป่า นั้นมีจำนวนประชากรน้อยและอาจส่งผลต่อการดำรงชีวิตของเสือโคร่งในพื้นที่ได้ โดยสาเหตุหลักที่ทำให้สัตว์ป่าที่เป็นเหยื่อลดลงมาจากการหายไปของพื้นที่ที่เป็นแหล่งน้ำและอาหาร โดยเฉพาะระบบนิเวศทุ่งหญ้าที่พบในพื้นที่มีค่อนข้างน้อย ประกอบกับลักษณะภูมิประเทศของพื้นที่บางพื้นที่เป็นเขาสูง ทำให้พื้นที่ไม่เพียงพอต่อการเพิ่มจำนวนประชากรของสัตว์กลุ่มนี้ ทางโครงการฯ จึงปรับปรุงและฟื้นฟูพื้นที่อาศัย ทั้งการฟื้นฟูแปลงหญ้า การเพิ่มแหล่งโป่ง แหล่งน้ำธรรมชาติ รวมทั้งการประเมินศักยภาพของพื้นที่ว่ามีความเหมาะสมที่จะนำสัตว์ป่าปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ โดยสัตว์ป่าที่นำมาปล่อยนั้นจะต้องเป็นชนิดพันธุ์ที่เคยพบการกระจายอยู่ในพื้นที่เท่านั้น ซึ่งผลของการดำเนินงานนี้จะช่วยเพิ่มปริมาณของสัตว์กีบให้สามารถดำรงชีวิตในผืนป่าแห่งนี้ต่อไป
การปฏิบัติงานลาดตระเวนในพื้นที่ เพื่อขจัดภัยคุกคามจากการล่าสัตว์และตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งเป็นภารกิจของทีมเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่าที่ทำงานอย่างเข้มแข็งภายใต้การกำกับและดูแลของกรมอุทยานแห่งชาติฯ ดังนั้นเพื่อให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่ามีความรู้ ความมั่นใจ และความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน ทางโครงการฯ จึงให้การสนับสนุนฝึกอบรมเสริมสร้างศักยภาพด้านต่างๆ ให้กับเจ้าหน้าที่มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การใช้เครื่องมือและเทคโนโลยี ได้แก่ เครื่องมือระบุพิกัดทางภูมิศาสตร์ เข็มทิศ แผนที่ การจดบันทึกข้อมูล เทคนิคการลาดตระเวน หลักสูตรการปฐมพยาบาล เป็นต้น อีกทั้งยังให้การสนับสนุนอุปกรณ์ภาคสนามที่จำเป็น เสบียงอาหาร และ การปรับปรุงศูนย์ลาดตระเวนเชิงคุณภาพ และหน่วยพิทักษ์ป่า ตลอดจนการจัดทำฐานข้อมูลงานลาดตระเวนเชิงคุณภาพผ่านโปรแกรม SMART อย่างเป็นระบบ เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าผู้ทำงานด้วยความเสียสละจะสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างภาคภูมิใจ ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการปกป้องทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าให้ยังคงอยู่คู่ผืนป่าไทย
โครงการฯ มีเป้าหมายในการถ่ายทอดความรู้ และความสำคัญของเสือโคร่งให้กับบุคคลทั่วไป โดยเฉพาะเยาวชนคนรุ่นใหม่เพื่อให้ทราบข้อมูลของทรัพยากรสัตว์ป่า ที่ใกล้สูญพันธุ์ ผ่านกิจกรรมรณรงค์ในโรงเรียน และชุมชน ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งบ้านเสือ ณ อุทยานแห่งชาติคลองลาน และจัดทำห้องเรียน ส. เสือ วิทยา ณ โรงเรียนอนุบาลคลองลาน กำแพงเพชร เพื่อใช้เป็นห้องเรียนรู้เรื่องการอนุรักษ์เสือโคร่งและสัตว์ป่า นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมในรูปแบบครูป่าไม้แผนใหม่ ตามแนวทาง “ลดเวลาเรียน – เพิ่มเวลารู้” โดยการลดเวลาในห้องเรียน และเพิ่มเวลาเรียนรู้นอกห้องเรียน รวมถึงการจัดนิทรรศการและจัดทำหนังสือภาพ “ก่อนเสือโคร่งจะคำราม” และ “วัวแดง…ลมหายใจแห่งป่าราบต่ำ” เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพในผืนป่าตะวันตกตอนบนของประเทศไทย นอกจากนี้การใช้ดนตรี และเสียงเพลงผ่าน “วงดนตรี Big Cat” โดยเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าเพื่อสื่อสารและส่งเสริมให้บุคคลทั่วไปเกิดความรักและความหวงแหนต่อทรัพยากรสัตว์ป่าที่ล้ำค่า โดยเฉพาะเยาวชนที่ถือเป็นความหวังของคนรุ่นใหม่ในการสานต่องานอนุรักษ์เสือโคร่งและสัตว์ป่าต่อไป